Episodios

  • [รีวิว] On Power (Mark R. Levin) สรุปหนังสือ
    Aug 7 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ On Power เขียนโดย Mark R. Levin - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/OnPower - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/OnPower - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0F29YRH3P?tag=9natree-20 #OnPower #รีวิวOnPower #สรุปOnPower #หนังสือOnPower 1. อำนาจคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์และสังคม? อำนาจเป็นพลังงานหรือแรงที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา มีอยู่ทุกหนทุกแห่งในชีวิตส่วนตัวและในสังคมทั้งหมด และมีความสำคัญในทุกๆ ด้าน มันเป็นความจริงหลักและคุณลักษณะของการมีอยู่ของมนุษย์ การทำความเข้าใจอำนาจมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะมันกำหนดการจัดระเบียบทางสังคม คุณภาพชีวิต และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าบุคคลจะเป็นอิสระหรือถูกกดขี่ หรืออยู่ระหว่างนั้น นอกจากนี้ยังกำหนดชะตากรรมส่วนบุคคล ชะตากรรมของชุมชน และชะตากรรมของประเทศ อำนาจสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ เช่น อำนาจโดยนัย อำนาจที่จำเป็น อำนาจที่สันนิษฐาน อำนาจที่ได้รับมอบหมาย อำนาจที่กำหนด อำนาจที่จำกัด อำนาจที่แบ่งแยก อำนาจที่ไม่ชัดเจน และอำนาจที่ยึดมา ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเสรีภาพและเป็นตัวกำหนดว่ามีเสรีภาพมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ขึ้นอยู่กับการใช้อำนาจ ผู้ใช้อำนาจ และการผูกพันด้วยสิทธิมนุษยชน 2. "อำนาจเชิงลบ" และ "อำนาจเชิงบวก" ต่างกันอย่างไร? อำนาจเชิงลบ คืออำนาจที่ใช้โดยการบังคับหรือวิธีการบีบบังคับอื่นๆ ที่ไม่ชัดเจนนัก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดอัตลักษณ์ส่วนบุคคล อธิปไตย และเสรีภาพ ในรูปแบบที่ก้าวร้าวที่สุด มันพยายามที่จะกลืนกินและควบคุมสังคม ไม่ใช่ให้บริการสังคม โดยพรากเจตจำนงเสรี ความภาคภูมิใจในตนเอง ความทะเยอทะยาน การพัฒนา และจิตวิญญาณของมนุษย์จากบุคคล มันควบคุมสังคมผ่านอำนาจที่รวมศูนย์ ท้าทายไม่ได้ และมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันต้องจำกัดการพูดและการถกเถียง บิดเบือนภาษา และสร้างความหมายใหม่ให้คำที่มีอยู่หรือสร้างคำใหม่เพื่อประโยชน์ของตนเอง ในสังคมตะวันตกสมัยใหม่ อำนาจเชิงลบมักจะปรากฏในรูปของ "อำนาจเชิงลบอ่อน" ซึ่งเป็นการรวมศูนย์อำนาจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้พลเมืองมีส่วนร่วมน้อยลง ...
    Más Menos
    10 m
  • [รีวิว] Behind the Badge (SSGT Johnny Joey Jones) สรุปหนังสือ
    Aug 7 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Behind the Badge เขียนโดย SSGT Johnny Joey Jones - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BehindtheBadge - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BehindtheBadge - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0DKB6WCPL?tag=9natree-20 #BehindtheBadge #รีวิวBehindtheBadge #สรุปBehindtheBadge #หนังสือBehindtheBadge 1. อะไรคือแรงจูงใจเบื้องหลังการเลือกอาชีพในบริการสาธารณะ เช่น ตำรวจ นักผจญเพลิง หรือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า? แรงจูงใจในการเลือกอาชีพบริการสาธารณะเหล่านี้มีความหลากหลายและลึกซึ้ง หลายคนได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณีของครอบครัว เช่น Katelyn Kotfila ที่มีพ่อและปู่เป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หรือ Justin Heflin ที่เติบโตมากับพ่อที่เป็นนาวิกโยธินและตำรวจ บางคนได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น Steve Hennigan ที่ตัดสินใจเข้าร่วมนาวิกโยธินหลังเหตุการณ์ระเบิดที่เบรุต หรือ Mark Lamb ที่เข้าร่วมงานตำรวจเมื่ออายุ 34 ปีเพราะต้องการจุดมุ่งหมายในชีวิตหลังจากเหตุการณ์ 9/11 นอกจากนี้ ความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน การช่วยเหลือผู้อื่น และความตื่นเต้นในการเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้คนเข้าสู่อาชีพเหล่านี้ ดังที่ Clay Headrick นักผจญเพลิงกล่าวว่า เขาเป็นเพียง "คนธรรมดาที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา" และ Vincent Vargas ที่ปรารถนาจะ "ช่วยเหลือผู้คน"2. เจ้าหน้าที่บริการสาธารณะต้องเสียสละอะไรบ้างในการปฏิบัติงาน? การเสียสละของเจ้าหน้าที่บริการสาธารณะมีหลากหลายมิติ ทั้งในด้านชีวิตส่วนตัว ความสัมพันธ์ สุขภาพกายและสุขภาพจิต ตัวอย่างเช่น Keith Dempsey และ Terry Mills หัวหน้าเจ้าหน้าที่ที่ต้องขับรถผ่าน "สนามรบ" ในชีวิตประจำวันของพวกเขา ทั้งอุบัติเหตุรถยนต์และเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว เจ้าหน้าที่เหล่านี้เห็น "สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เราสามารถทำต่อกันในฐานะมนุษย์ได้" แต่พวกเขาก็ยังคงมาทำงานทุกวัน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อชีวิตและร่างกาย ซึ่งอาจเป็นการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตในหน้าที่ หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นทีละน้อยตลอดอาชีพที่ยาวนาน เช่น การเห็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์หรือเพื่อนเจ้าหน้าที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ...
    Más Menos
    7 m
  • [รีวิว] Bulletproof Problem Solving (Charles Conn, Robert McLean) สรุปหนังสือ
    Jul 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Bulletproof Problem Solving เขียนโดย Charles Conn, Robert McLean - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BulletproofProblemSolving - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BulletproofProblemSolving - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B07PFRCCY4?tag=9natree-20 #BulletproofProblemSolving #รีวิวBulletproofProblemSolving #สรุปBulletproofProblemSolving #หนังสือBulletproofProblemSolving 1. "Bulletproof Problem Solving" คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญในศตวรรษที่ 21? "Bulletproof Problem Solving" คือกระบวนการที่ครอบคลุมและวนซ้ำได้ 7 ขั้นตอนสำหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความท้าทายที่ซับซ้อนในชีวิตส่วนตัว การทำงาน และขอบเขตเชิงนโยบาย ในอดีต การแก้ปัญหาถูกมองว่าเป็นโดเมนของบางอาชีพ เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และการให้คำปรึกษาด้านการจัดการ อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของศตวรรษที่ 21 ความสามารถในการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์จึงไม่ได้เป็นเพียงทักษะในโดเมนที่จำกัดอีกต่อไป แต่เป็นความคาดหวังของบุคคลและทีมงานในทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และภาครัฐ ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกจ้างงานโดยพิจารณาจากทักษะการวิเคราะห์และการคิดที่แสดงให้เห็น ประเมินจากการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากความสามารถในการระดมทีมที่คล่องตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาที่ดีเกิดขึ้นจากการฝึกฝน ไม่ใช่พรสวรรค์ โดยเน้นที่การตั้งคำถามที่ดี การสร้างสมมติฐานที่คมชัด การจัดโครงสร้างปัญหาอย่างมีเหตุผล การจัดลำดับความสำคัญอย่างเคร่งครัด การวิเคราะห์อย่างชาญฉลาด และการสังเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อเล่าเรื่องราวที่กระตุ้นการกระทำ 2. วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง? วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนที่สามารถดำเนินการซ้ำได้ภายในกรอบเวลาใดก็ได้ โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน เมื่อถึงจุดสิ้นสุดเบื้องต้นแล้ว คุณสามารถทำซ้ำกระบวนการเพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้จะไม่ได้ระบุทั้ง 7 ขั้นตอนโดยละเอียดในแหล่งข้อมูล แต่ก็มีการกล่าวถึงขั้นตอนหลักๆ ดังนี้: กำหนดปัญหา: ...
    Más Menos
    8 m
  • [รีวิว] Big Dumb Eyes (Nate Bargatze) สรุปหนังสือ
    Jun 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Big Dumb Eyes เขียนโดย Nate Bargatze - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BigDumbEyes - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BigDumbEyes - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/1538768461?tag=9natree-20 #BigDumbEyes #รีวิวBigDumbEyes #สรุปBigDumbEyes #หนังสือBigDumbEyes 1. "Big Dumb Eyes" หมายถึงอะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อผู้เขียน? คำว่า "Big Dumb Eyes" เป็นการเล่นคำที่ผู้เขียน, Nate Bargatze, ใช้เพื่ออธิบายความเข้าใจผิดที่ผู้คนมีเกี่ยวกับเขา ผู้คนมักจะพูดกับเขาช้าๆ และเว้นวรรคราวกับว่าเขาไม่เข้าใจง่ายๆ เนื่องจากสายตาของเขาที่ดู "ใหญ่และโง่" ในบทนำของหนังสือ เขายังเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับผู้คนที่เข้าใจผิดว่า "Big Dumb Eyes" เป็น "Big Demise" ซึ่งเขาเน้นย้ำว่าไม่ใช่สิ่งที่หนังสือเล่มนี้สื่อถึง ชื่อนี้จึงสะท้อนถึงการรับรู้จากภายนอกเกี่ยวกับตัวเขาและอารมณ์ขันที่เกิดจากการเข้าใจผิดเหล่านี้2. หนังสือเล่มนี้มีโครงสร้างอย่างไร และผู้เขียนพยายามสร้างประสบการณ์การอ่านแบบใด? ผู้เขียนตั้งใจออกแบบหนังสือให้แตกต่างจากหนังสือทั่วไปที่เขาไม่ชอบอ่าน เขาระบุว่า "หนังสือทุกเล่มมีแต่คำพูดมากมาย" และ "ไม่เคยผ่อนคลาย" ในทางตรงกันข้าม หนังสือของเขาไม่มีลำดับที่แท้จริง ไม่มีเหตุผลเบื้องหลังมากนัก ผู้อ่านสามารถเปิดไปที่บทใดก็ได้โดยไม่ต้องมีข้อมูลพิเศษหรือความรู้ใดๆ เขาให้สัญญาว่าจะมีการ "หยุดพัก" และ "หน้าเปล่าๆ" เพื่อช่วยให้ผู้อ่าน "หายใจออก" และหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ยากๆ ซึ่งสะท้อนถึงสไตล์ตลกที่เรียบง่ายและเข้าถึงง่ายของเขา3. อะไรคือลักษณะสำคัญของเมืองบ้านเกิดของผู้เขียนในรัฐเทนเนสซี? บ้านเกิดของผู้เขียนคือเลควูด ซึ่งเป็น "เมืองเล็กๆ ที่อยู่ในเมืองเล็กๆ อีกเมืองหนึ่ง" ที่ชื่อว่าโอลด์ฮิกกอรี่ในรัฐเทนเนสซี ผู้เขียนอธิบายว่าเมืองนี้เล็กมากจนทุกคนรู้จักกัน ทำให้ไม่ค่อยมีการก่ออาชญากรรมร้ายแรง เขาเล่าถึงสภาพแวดล้อมที่ผู้คนรู้จักกันดีและตำรวจดูเหมือนจะคุ้นเคยกับชาวเมือง เมืองนี้ยังเป็น "เมืองบริษัท" ที่มีโรงงานดูปองท์ ซึ่งแต่เดิมผลิตดินปืนและต่อมาผลิตสารเคมี เขายังเน้นย้ำถึงความเรียบง่ายและเป็นบ้านนอกของเมือง โดยยกตัวอย่างเช่น ความพยายามไร้ประโยชน์ในการเล่นเลื่อนบนเนินโคลน4. ...
    Más Menos
    8 m
  • [รีวิว] The Power of Now (Eckhart Tolle) สรุปหนังสือ
    Jun 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ The Power of Now เขียนโดย Eckhart Tolle - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/ThePowerofNow - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/ThePowerofNow - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B002361MLA?tag=9natree-20 #ThePowerofNow #รีวิวThePowerofNow #สรุปThePowerofNow #หนังสือThePowerofNow 1. "พลังแห่งปัจจุบัน" คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ? พลังแห่งปัจจุบัน คือพลังของการดำรงอยู่ของคุณ หรือสภาวะแห่งจิตสำนึกที่ปราศจากรูปแบบความคิด มันเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันคือมิติเดียวที่คุณมีชีวิตอยู่จริงและสามารถรับรู้ความเป็นอยู่ ได้อย่างแท้จริง ทั้งอดีตและอนาคตไม่มีอยู่จริงในตัวของมันเอง แต่เป็นเพียงร่องรอยความทรงจำหรือการคาดการณ์ของจิตใจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเท่านั้น การยึดติดกับอดีตหรืออนาคตจะทำให้เกิดความวิตกกังวล ความทุกข์ และความไม่พอใจ ในขณะที่การจดจ่ออยู่กับปัจจุบันจะนำมาซึ่งความสงบสุข ความสุข และการเชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของคุณ2. จิตใจของเราเป็น "โรค" ได้อย่างไร และเราจะปลดปล่อยตัวเองจากการเป็นทาสของมันได้อย่างไร? จิตใจกลายเป็น "โรค" เมื่อมันใช้งานเราแทนที่เราจะใช้งานมัน การคิดกลายเป็นเรื่องบังคับและต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการคิดซ้ำๆ ไร้ประโยชน์ และบ่อยครั้งก็เป็นไปในทางลบ จิตใจที่ครอบงำนี้ทำให้เกิดความทุกข์ ความวิตกกังวล และสร้างอัตตา ขึ้นมา ซึ่งเป็นตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิดและยึดติดกับสิ่งภายนอก ทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวและเป็นที่มาของความกลัว เพื่อปลดปล่อยตัวเอง เราต้องเริ่มต้นด้วยการ "เฝ้าดูผู้คิด" นั่นคือการรับฟังเสียงในหัวของเราโดยไม่ตัดสิน การสังเกตนี้จะทำให้เกิดช่องว่างในกระแสความคิด นำไปสู่การตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของเราในฐานะผู้สังเกต ซึ่งอยู่เหนือความคิด เมื่อเราถอนพลังงานจากการยึดติดกับความคิด จิตใจก็จะสูญเสียอำนาจครอบงำ และเราจะเริ่มเข้าถึงสติปัญญาที่อยู่เหนือความคิด เช่น ความงาม ความรัก ความคิดสร้างสรรค์ และความสงบภายใน3. "ความเป็นอยู่" คืออะไร และเหตุใดผู้เขียนจึงหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "พระเจ้า"? ความเป็นอยู่ คือสถานะธรรมชาติของการรวมเป็นหนึ่งกับความเป็นอยู่ ที่รู้สึกได้ ...
    Más Menos
    9 m
  • [รีวิว] Attached (Amir Levine, Rachel Heller) สรุปหนังสือ
    Jun 4 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Attached เขียนโดย Amir Levine, Rachel Heller - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/Attached - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/Attached - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/1585429139?tag=9natree-20 #Attached #รีวิวAttached #สรุปAttached #หนังสือAttached 1. สไตล์ความผูกพันคืออะไร และมีกี่ประเภท? สไตล์ความผูกพัน คือรูปแบบพฤติกรรมและความคิดที่แต่ละคนแสดงออกในความสัมพันธ์โรแมนติก ซึ่งพัฒนามาจากประสบการณ์การผูกพันกับผู้ดูแลหลักในวัยเด็ก ทฤษฎีนี้เสนอว่าสไตล์ความผูกพันส่งผลอย่างมากต่อความสามารถของเราในการเติบโตในโลกและวิธีที่เรารู้สึกเกี่ยวกับตัวเอง รวมถึงความเชื่อในตัวเองและโอกาสในการบรรลุความหวังและความฝันของเรา มีสไตล์ความผูกพันหลักๆ อยู่ 3 ประเภท: แบบกังวล : คนกลุ่มนี้ปรารถนาความใกล้ชิดสนิทสนมอย่างมากในความสัมพันธ์ แต่ก็มักจะกลัวว่าคู่ของตนจะไม่ต้องการความใกล้ชิดเท่าที่ตนต้องการ ความสัมพันธ์มักจะใช้พลังงานทางอารมณ์ไปมาก พวกเขามักจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอารมณ์และการกระทำของคู่ และมักจะตีความพฤติกรรมของคู่เป็นการส่วนตัวมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอารมณ์เชิงลบมากมายและมักจะแสดงพฤติกรรมที่เสียใจในภายหลัง อย่างไรก็ตาม หากได้รับความมั่นคงและการรับรองอย่างเพียงพอ พวกเขาสามารถลดความกังวลและรู้สึกพึงพอใจได้ แบบหลีกเลี่ยง : คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระอย่างมากและมักจะมองว่าการพึ่งพาผู้อื่นหรือ "ความต้องการ" เป็นเรื่องที่ไม่ดี พวกเขามักจะใช้กลยุทธ์ในการสร้างระยะห่างทั้งทางอารมณ์และทางกายภาพ เช่น การส่งสัญญาณที่สับสน การไม่ต้องการเปิดเผยความรู้สึกภายใน หรือการหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ พวกเขามักจะ "เอาชนะ" คู่รักได้อย่างรวดเร็วและพร้อมที่จะออกเดทใหม่เกือบจะทันที แบบมั่นคง : คนกลุ่มนี้ต้องการความใกล้ชิดในขณะที่ก็ไม่ไวต่อการถูกปฏิเสธมากเกินไป พวกเขามีทักษะการสื่อสารที่ดีเยี่ยมและรู้วิธีถ่ายทอดข้อความของตนอย่างตรงไปตรงมาแต่ไม่กล่าวโทษ เมื่อเข้าใกล้คนที่มีสไตล์ความผูกพันแบบมั่นคง คุณไม่จำเป็นต้องต่อรองเรื่องความใกล้ชิดอีกต่อไป เพราะมันกลายเป็นเรื่องปกติ ...
    Más Menos
    10 m
  • [รีวิว] How to Talk to Anyone (Leil Lowndes) สรุปหนังสือ
    Jun 4 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ How to Talk to Anyone เขียนโดย Leil Lowndes - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/HowtoTalktoAnyone - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/HowtoTalktoAnyone - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B00BAJ2MYM?tag=9natree-20 #HowtoTalktoAnyone #รีวิวHowtoTalktoAnyone #สรุปHowtoTalktoAnyone #หนังสือHowtoTalktoAnyone 1. การสร้างความประทับใจแรกพบอย่างมีประสิทธิภาพ มีเทคนิคอะไรบ้าง? การสร้างความประทับใจแรกพบมีพลังมหาศาล และคุณมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการแสดงความเป็น "ใครบางคน" ที่น่าสนใจ แหล่งข้อมูลเน้นย้ำถึงเทคนิคสำคัญหลายประการ: The Flooding Smile: แทนที่จะยิ้มทันทีที่เห็นหน้าใคร ให้มองใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งวินาที หยุดนิ่ง ซึมซับบุคลิกของพวกเขา จากนั้นให้รอยยิ้มที่อบอุ่นและตอบรับปรากฏบนใบหน้าและแผ่ไปถึงดวงตา การหน่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนี้จะทำให้ผู้รับรู้สึกว่ารอยยิ้มของคุณจริงใจและมีให้สำหรับพวกเขาเท่านั้น Sticky Eyes: รักษาการสบตาให้นานขึ้นเล็กน้อยกว่าปกติเมื่อพูดคุยกับผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศตรงข้ามหรือผู้หญิงที่พูดคุยกับผู้หญิงด้วยกัน สำหรับผู้ชายที่พูดคุยกับผู้ชาย ควรลดระดับความ "Sticky" ลงเล็กน้อยเมื่อพูดคุยเรื่องส่วนตัว เพื่อไม่ให้รู้สึกคุกคามหรือเข้าใจผิด การสบตาที่นานขึ้นเล็กน้อยนี้แสดงให้เห็นถึงความสนใจและความเอาใจใส่ Epoxy Eyes: เทคนิคนี้ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อมีคนสามคนขึ้นไปเกี่ยวข้อง แทนที่จะมองคนที่กำลังพูด ให้จดจ่อที่ผู้ฟัง เทคนิคนี้จะทำให้เป้าหมายรู้สึกสับสนเล็กน้อยและสงสัยว่า "ทำไมคนนี้ถึงมองฉันแทนที่จะมองคนพูด?" ซึ่งสื่อให้เห็นว่าคุณสนใจปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างยิ่ง สามารถใช้เพื่อประเมินผู้ฟังในสถานการณ์ทางธุรกิจ หรือในสถานการณ์โรแมนติก จะสื่อว่า "ฉันละสายตาจากคุณไม่ได้" หรือ "ฉันมีแต่คุณในสายตา" อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการใช้ Epoxy Eyes ในที่สาธารณะกับคนแปลกหน้า เนื่องจากอาจถูกมองว่าก้าวร้าวได้ Hang by Your Teeth: การรักษาสมดุลร่างกายให้ตั้งตรงราวกับว่ามีเชือกดึงศีรษะของคุณขึ้นไปด้านบน โดยให้กระดูกสันหลังตั้งตรง แต่ยังคงผ่อนคลาย สะท้อนความมั่นใจและความสำคัญ การฝึกฝนท่าทางนี้อย่างสม่ำเสมอจะกลายเป็นนิสัยที่ดี The Big-Baby Pivot: เมื่อทักทายใครสักคน ...
    Más Menos
    8 m
  • [รีวิว] Forgiving What You Can't Forget (Lysa TerKeurst) สรุปหนังสือ
    Jun 4 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Forgiving What You Can't Forget เขียนโดย Lysa TerKeurst - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/ForgivingWhatYouCantForget - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/ForgivingWhatYouCantForget - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B085XNMMHV?tag=9natree-20 #ForgivingWhatYouCantForget #รีวิวForgivingWhatYouCantForget #สรุปForgivingWhatYouCantForget #หนังสือForgivingWhatYouCantForget 1. ทำไมการให้อภัยจึงมักรู้สึกเป็นเรื่องยากและท้าทาย? การให้อภัยมักรู้สึกยากเพราะมันเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง และความรู้สึกไม่ยุติธรรม ผู้เขียนเองก็ยอมรับว่าเธอชอบแนวคิดเรื่องการให้อภัยจนกว่าเธอจะกลายเป็นคนที่เจ็บปวดเสียเอง ในสภาวะที่บาดแผลลึกซึ้ง การให้อภัยอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เป็นไปไม่ได้ และเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการเพิ่มความไม่ยุติธรรมจากการถูกกระทำผิด มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะร้องขอความยุติธรรมและต้องการให้ผู้ที่ทำผิดได้รับการแก้ไข แต่การยึดติดกับความรู้สึกเหล่านี้และการรวมกลุ่มกับผู้ที่เห็นด้วยอาจทำให้เราติดอยู่ในความเจ็บปวดนั้น เหมือนกับการยืนกรานอยู่ในลานจอดรถในขณะที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานบนชายหาด ความรู้สึกที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหล่านี้สามารถแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น การบ่น การเงียบงัน การบงการ และการควบคุม2. การให้อภัยที่แท้จริงหมายถึงอะไร และมันแตกต่างจากการคืนดีอย่างไร? การให้อภัยเป็นการตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ทำร้ายเรามาจำกัด ขีดเส้น หรือฉายภาพความเท็จที่พวกเขาเชื่อเกี่ยวกับตัวเองใส่เรา มันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับพระเจ้า และไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกลับมาคืนดีหรือการยอมรับผิดจากอีกฝ่าย การคืนดีหรือการกลับมาคบหาใหม่ต้องอาศัยคนสองคนที่เต็มใจทำงานหนักเพื่อกลับมารวมกัน พระเจ้าสามารถไถ่ถอนชีวิตของเราได้ แม้ว่าความสัมพันธ์ที่เสียหายจะไม่กลับมาเหมือนเดิม การให้อภัยจึงไม่ใช่การทำอะไรบางอย่างเพื่อความสัมพันธ์ของมนุษย์เสมอไป แต่เป็นการเชื่อฟังสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเราให้ทำ3. จะทำอย่างไรเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้? แหล่งที่มาบอกว่าแนวคิดเรื่อง "การให้อภัยตัวเอง" ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ เนื่องจากเราไม่สามารถบรรลุความรอดได้หากปราศจากพระเจ้า ...
    Más Menos
    8 m